เมื่อวานวันที่ 6 มิ.ย. 2555 เมก็ไปรพ.เพื่อไปเข้าคลีนิกบำบัดโรคซึมเศร้า เวลา 13:00 น.
ไปถึงเมก็งงๆ ไม่รู้ว่าต้องทำยังไงบ้าง เห็นมีพยาบาลนั่งอยู่บริเวณนั้น เมก็เลยเดินเข้าไปบอกว่า มาเข้าคลีนิกบำบัดซึมเศร้าค่ะ
พยาบาลเลยบอกให้นั่งรอบริเวณหน้าห้องตรวจก่อน เดวจะมีคนมารับ
เมก็นั่งรอ ใจเต้นตุ้มๆ ต่อมๆ แอบตื่นเต้น แต่ก่อนเข้ารพ.เราก็แวะซื้อกาแฟไปนั่งจิบด้วย เลยคลายความตื่นเต้นลงได้หน่อย
นั่งรอประมาณ 10 นาที ก็มีเจ้าหน้าที่มาเรียกให้ขึ้นไปห้องข้างบน
เมก็เดินตามๆ คนอื่นขึ้นไป มีคนมาเข้าร่วม รวมเมด้วยแล้วก็ 5 คน
ถึงหน้าห้องก็เซ็นชื่อเข้าร่วม พร้อมเขียนชื่อทำป้ายติดเสื้อไว้
บรรยากาศภายในห้องก็ มีโต๊ะตรงกลาง มีสไลด์ แล้วก็มีเก้าอี้ให้คนไข้นั่งล้อมวง
การเข้าร่วมครั้งที่1 นี้ เป็นการให้ความรู้เกี่ยวกับโรคซึมเศร้า
โดยใช้ชื่อหัวข้อว่า มาทำความรู้จักโรคซึมเศร้ากันเถอะ
ระหว่างคุณหมอบรรยาย ก็จะมีการถามความเห็นคนไข้คนนู้นคนนี้ มีการพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็น แล้วคุณหมอก็จะชี้แจ้งข้อมูลที่ถูกต้องอีกครั้ง
โดยเมสรุปมาได้ดังนี้
ประชากรไทยจำนวน 1.2 ล้านคนเป็นโรคซึมเศร้า หรือประมาณ (2%)
กลุ่มที่เสี่ยงเป็นโรคซึมเศร้า
1. มองโลกในแง่ลบ
2. แก้ไขปัญหาแบบหลีกหนี
3. เพศหญิงมีโอกาสเป็นมากกว่าเพศชาย
4. คนไข้ที่เจ็บป่วยเรื้อรัง เช่น อาจเป็นโรคที่รักษาหายยาก หรือนาน จนทำให้เกิดความเครียด และท้อแท้
อาการของคนที่เป็นโรคซึมเศร้า
- จะแสดงออกทางความรู้สึกเป็นส่วนใหญ่ เช่น ดูเศร้าสร้อย ซึม หดหู่ ร้องไห้ ฯลฯ
- แสดงออกทางร่างกาย ทำสิ่งต่างช้าลง พูดช้า หรือติดขัด เป็นต้น
โรคซึมเศร้า = โรคจิต?
- โรคซึมเศร้าไม่ใช่โรคจิต ต่างจากโรคจิต และมีโอกาสหายได้สนิทมากกว่าบุคคลที่เป็นโรคจิต
สาเหตุที่ก่อให้เกิดโรคซึมเศร้า
1. ความผิดปกติของสารสื่อประสาทในสมอง
2. พันธุกรรม
3. เหตุการณ์ที่ก่อให้เกิดความเครียด
ส่วนใหญ่จะเริ่มป่วยครั้งแรกหลังอายุ 20 และก่อน 50 ปี
โรคซึมเศร้าสามารถหายได้ หรือ เป็นเรื้อรัง และหรือเป็นซ้ำได้
การที่เป็นเรื้อรังหรือเป็นซ้ำ อาการจะเกิดเเป็นช่วงๆ สามารถทุเลาและหายได้เช่นกัน
ขอไปต่อบล็อก Part2 นะคะ